เดือนสิงหาคมนี้เป็นเดือนสุดท้ายของการยื่นประมาณ ภ.ง.ด.51 (ภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปกติ (อ้างอิง มาตรา 67 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร) เป็นส่วนหนึ่งตามตารางเวลา ตามหน้าที่ที่นักบัญชีควรระมัดระวังไม่เกิดข้อผิดพลาด ซึ่งข้อผิดพลาดจะเกิดขึ้นและมีผลต้องรับผิดหรือไม่ ก็จะไปปรากฏตอนผลการดำเนินงานประจำปี ในหลักการที่ว่า “การยื่นรายการและชำระภาษีตามมาตรา 67 ทวิ (1) โดยแสดงประมาณการกำไรสุทธิ ขาดไปเกินร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ ซึ่งได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น โดยไม่มีเหตุอันสมควร บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 20 - บางส่วนตามมาตรา 67 ตรี ” ก่อนอื่นเรามาทบทวนหลักการของการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี หรือ ภ.ง.ด.51 ซึ่งกรมสรรพากรกำหนดอยู่ 2 ประเภท คือ 1. เสียจากกำไรสุทธิในรอบ 6 เดือน (ตามจริง) • บริษัทจดทะเบียน • ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน หลักทรัพย์ เครดิตฟองซิเอร์ • ผู้ได้รับอนุมัติให้มีผู้สอบทานงบการเงิน ข้อสังเกต : ถ้านิติบุคคลเลือกประเภทที่ 1 ถึงแม้จะยุ่งยากในการต้องจัดทำงบการเงิน และต้องสอบทานงบการเงินเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการนำยื่นภาษี ก็จะไม่มีประเด็นต้องกังวลในเรื่องผลกระทบจากการประมาณการผิดพลาด เหตุผลเนื่องจากเป็นการเสียภาษีจากกำไรสุทธิในรอบ 6 เดือนตามจริง 2. เสียจากกึ่งหนึ่งจากประมาณการกำไรสุทธิ • บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่น ข้อสังเกต : การยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคล ภ.ง.ด.51 โดยเลือกเสียจากกึ่งหนึ่งจากประมาณการกำไรสุทธินั้น ประเด็นที่ควรระมัดระวังคือ ประการที่ 1 ประมาณการผิดพลาดได้ไม่เกิน 25% ของกำไรสุทธิ และประการที่ 2 คำว่า กำไรสุทธินั้น นักบัญชีต้องไม่ลืมว่าคือกำไรสุทธิทางภาษี ไม่ใช่กำไรสุทธิทางบัญชี
ตัวอย่างประมาณการ ภ.ง.ด.51 อย่างไรจึงเรียกว่าเกิน 25% และต้องเสียเงินเพิ่ม 20% ของภาษีที่นำส่งขาด กรณีตัวอย่าง
ก |
ประมาณการกำไรทั้งปี |
20,000 บาท |
ข |
ประมาณการครึ่งปี |
10,000 บาท |
ค |
ภาระภาษีครึ่งปีที่คำนวณได้ สมมุติ 30% |
3,000 บาท |
ง |
มีเงินภาษีถูกหัก ณ ที่จ่าย |
2,000 บาท |
จ |
ฉะนั้น เงินนำส่งภาษีครึ่งปี เพิ่ม |
1,000 บาท |
สรุป : ในแบบ ภ.ง.ด.51 จะถือว่ายื่นประมาณการกำไรไว้ 20,000 บาท และมีภาระภาษีครึ่งปี 3,000 บาท แต่มีนำเงินส่งภาษีครึ่งปี 1,000 บาท เนื่องจากมีภาษีถูกหักไว้ตั้งแต่เดือน ม.ค. - มิ.ย. ไว้ 2,000 บาท
พิจารณา
1 |
หากสิ้นปีปรากฏว่า กำไรจริงทั้งปี |
30,000 บาท |
2 |
กำไรครึ่งปีควรจะเป็น |
15,000 บาท |
3 |
ดังนั้นภาระภาษีครึ่งปี ควรจะเป็น (30%) |
4,500 บาท |
4 |
หัก ภาษีถูกหัก ณ ที่จ่าย |
2,000 บาท |
5 |
เงินที่ควรนำส่งภาษีครึ่งปี |
2,500 บาท |
การเปรียบเทียบกำไรจริงกับกำไรประมาณการ |
|
กำไรจริง - กำไรประมาณการ |
= 30,000 - 20,000 = 10,000 บาท |
ประมาณการน้อยกว่าจริง |
= (10,000/30,000) x 100 = 33% |
สรุป : ประมาณกำไรน้อยกว่ากำไรจริงเกิน 25 % จึงถูกปรับเงินเพิ่ม 20% ของเงินภาษีที่ส่งขาด |
การคำนวณเงินเพิ่ม 20 % |
|
จากข้อ 5 เงินภาษีที่ควรนำส่งภาษีครึ่งปี ควรเป็น |
2,500 บาท |
แต่จากข้อ จ ประมาณการครึ่งปี นำส่งเพียง |
1,000 บาท |
ดังนั้นนำส่งขาดไป |
1,500 บาท |
เงินเพิ่ม 20% = 20/100 x 1,500 = 300 บาท
|
ข้อแนะนำ ในกรณีนิติบุคคลมีภาษีถูกหัก ณ ที่จ่าย และเมื่อประมาณการภาษี ภ.ง.ด.51 ยังมีภาษีถูกหัก ณ ที่จ่าย คงเหลืออยู่ ควรพิจารณาเพิ่มกำไร โดยใช้ประโยชน์จากภาษีถูกหัก ณ ที่จ่าย ส่วนที่เหลือ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาจากประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกิน 25% ได้ (ขอย้ำอีกครั้ง ข้อควรระวัง! คำว่ากำไร คือ กำไรทางภาษี)
จากบทความ : “ข้อควรระวัง ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 51” โดย : Mr.knowing Section : Accounting Style / Column : CPD Coach อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่...วารสาร CPD & Account ปีที่ 20 ฉบับที่ 236 เดือนสิงหาคม 2566
|
|