Diversity & Inclusion ก้าวสำคัญแห่งความเท่าเทียม กุญแจสู่การสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้แข็งแกร่ง
โดย
 |
| |
Diversity & Inclusion ก้าวสำคัญแห่งความเท่าเทียม กุญแจสู่การสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้แข็งแกร่ง
|
ในวันที่สังคมไทยกำลังก้าวสู่ความหลากหลายในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพศ วัย ความเชื่อ หรือรูปแบบการใช้ชีวิต “การเปิดใจ” และ “เปิดพื้นที่” ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง คือก้าวสำคัญสู่ความเท่าเทียม Cover Story ฉบับเดือนมิถุนายนนี้ ได้รับเกียรติจากคุณอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พูดถึงภารกิจสำคัญของกระทรวงฯ ในการขับเคลื่อนแนวคิด Diversity & Inclusion (D&I) ให้เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย ผ่านการสร้างระบบสนับสนุนที่เอื้อต่อการมีส่วนร่วม และการปรับทัศนคติของสังคมให้มองเห็นคุณค่าของความหลากหลายอย่างแท้จริง “ทุกวันนี้ หลายภาคส่วนพูดถึงเรื่อง Diversity & Inclusion หรือ D&I กันมากขึ้น ในฐานะที่กระทรวง พม. รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ผมมองว่าแนวคิดนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเป็นรากฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียมและเคารพในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ โดยแนวทาง D&I ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบหลักที่ต้องไปด้วยกัน คือ (1) ความหลากหลาย (Diversity) ซึ่งหมายถึง การยอมรับความแตกต่างของสมาชิกในองค์กร ทั้งเรื่องเพศ วัย เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม การศึกษา และภูมิหลังที่หลากหลาย ที่สำคัญ คือ การเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงศักยภาพของตนอย่างเต็มที่ และ (2) การมีส่วนร่วม (Inclusion) หมายถึง การสร้างบรรยากาศในที่ทำงาน ให้ทุกคนรู้สึกว่าตนมีคุณค่า มีเสียง และมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น การตัดสินใจ และการขับเคลื่อนให้องค์กรไปข้างหน้า โดยหลักการของ D&I จะสอดคล้องไปกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 5 ว่าด้วยความเท่าเทียมทางเพศ และการเสริมพลังให้กับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง เช่น การส่งเสริมบทบาทของผู้หญิงในการเป็นผู้นำทุกระดับ การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ การเมือง และการตัดสินใจในภาคสาธารณะอย่างเท่าเทียม รวมถึงการผลักดันนโยบายและกฎหมายที่เอื้อต่อความเสมอภาค สำหรับประเทศไทย ผมเห็นว่ามีความตื่นตัวเรื่อง D&I มากขึ้น ทั้งในภาคธุรกิจขนาดใหญ่ บริษัทข้ามชาติ รวมถึงบางหน่วยงานของภาครัฐ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดี อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายอยู่พอสมควรในการผลักดันให้หลักการนี้เกิดขึ้นจริงในเชิงปฏิบัติ ทั้งเรื่องทัศนคติของผู้บริหาร รูปแบบนโยบายที่ยังไม่ครอบคลุม ไปจนถึงการออกแบบระบบสนับสนุนในสถานประกอบการ เชื่อไหมครับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา องค์กรธุรกิจในประเทศไทยหลายแห่งยอมรับเรื่องนี้ และเปิดโอกาสให้ความหลากหลายกลายเป็นพลังในการพัฒนาองค์กร โดยเฉพาะในมิติการจ้างงานกลุ่มเปราะบาง ตัวอย่างเช่น บริษัท แบรนด์ ซันโทรี่ ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทอุตสาหกรรมเครื่องดื่มระดับโลก ได้ยึดแนวทางของบริษัทแม่ในการส่งเสริม D&I ด้วยการก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเชื้อชาติ เพศ ความพิการ หรืออายุ สะท้อนถึงความตั้งใจในการสร้างองค์กรที่เปิดรับและให้โอกาสกับทุกกลุ่มอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับ บริษัท แกร๊บ (GRAB) ที่ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของการสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม โดยเปิดกว้างให้ทุกคนสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มเพื่อสร้างรายได้โดยไม่มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นผู้พิการ ผู้สูงวัย หรือกลุ่มที่มักถูกมองข้ามจากตลาดแรงงานทั่วไป แกร๊บยังให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมความเสมอภาคและการมีส่วนร่วมของพนักงานที่มีภูมิหลังหลากหลาย แนวทางเหล่านี้ไม่เพียงช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับกลุ่มเปราะบางในสังคม แต่ยังส่งเสริมให้องค์กรเติบโตบนพื้นฐานของความเข้าใจ ความร่วมมือและการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในระดับองค์กรและระดับประเทศ กระทรวง พม. เองก็มุ่งมั่นพัฒนาและผลักดันนโยบายนี้ผ่านกลไกต่างๆ เช่น การผลักดันกฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติ การส่งเสริมองค์กรต้นแบบ การสร้างหลักสูตรอบรมและคู่มือสำหรับภาคธุรกิจ รวมถึงการเปิดเวทีให้กลุ่มเปราะบางและกลุ่มคนหลากหลายได้มีพื้นที่ในการสื่อสารความต้องการของตนเอง เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ผมเชื่อว่า การขับเคลื่อนแนวคิด D&I ไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ร่วมกันของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้บริหารองค์กร ที่ต้องช่วยกันสร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้าง เคารพความต่าง และเชื่อมั่นในพลังของความหลากหลาย ซึ่งจะนำพาองค์กรไปสู่ความยั่งยืนในที่สุด”
|
บางส่วนจากบทความ : Diversity & Inclusion ก้าวสำคัญแห่งความเท่าเทียม กุญแจสู่การสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้แข็งแกร่ง โดย : กองบรรณาธิการ / Section : - / Column : Cover Story อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่...วารสาร HR Society ปีที่ 23 ฉบับที่ 270 เดือนมิถุนายน 2568
|
|
| |
| |
|
|

|