Green Accounting กับการปรับตัวของนักบัญชีและธุรกิจ
โดย
 |
|
Green Accounting กับการปรับตัวของนักบัญชีและธุรกิจ
|
“Green Accounting” เป็นแนวคิดที่รวมเอาการพิจารณาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเข้าไปในกระบวนการบันทึกบัญชีขององค์กร โดยไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่ผลกำไรทางการเงินเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงต้นทุน (Costs) และค่าใช้จ่าย (Expenses) ด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานของธุรกิจด้วย ดังนั้นแนวคิดนี้จะรวมถึงข้อมูลการคำนวณต้นทุนทางสิ่งแวดล้อม การวัดผลกระทบของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และการประเมินผลตอบแทนของกิจการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นักบัญชีจะมีหน้าที่ใหม่ในการคำนวณต้นทุนสิ่งแวดล้อม (Environmental Cost Accounting) ได้แก่ การคำนวณต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับมลพิษ การลดของเสีย และการปฏิบัติตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม และหน้าที่ในการใช้ข้อมูลทางการบัญชีสีเขียว (Environmental Management Accounting) เพื่อช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น Green Accounting จึงมีบทบาทสำคัญต่อนักบัญชีในหลายด้าน ได้แก่ การเพิ่มความโปร่งใสทางการเงินและสิ่งแวดล้อม การช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานสากล การสนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจ และการเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กร Green Accounting ไม่เพียงแต่มีผลกระทบต่อนักบัญชีเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อธุรกิจ เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในด้านการลดต้นทุนทางสิ่งแวดล้อม การปรับปรุงภาพลักษณ์ขององค์กร การเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และการบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม หากนักบัญชีและธุรกิจไม่ปรับตัวสู่แนวคิด Green Accounting อาจส่งผลกระทบในหลายด้าน ได้แก่ 1. ต้นทุนที่สูงขึ้นจากการจัดการสิ่งแวดล้อม หากธุรกิจไม่มีระบบบัญชีที่คำนึงถึงต้นทุนทางสิ่งแวดล้อม องค์กรอาจต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในการจัดการของเสียและมลพิษในอนาคต 2. เสียโอกาสทางธุรกิจและการลงทุน นักลงทุนและคู่ค้าของธุรกิจจำนวนมากให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีความยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม องค์กรที่ไม่ปรับตัวอาจสูญเสียโอกาสในการทำธุรกิจและการได้รับการสนับสนุนจากผู้มีส่วนได้เสียขององค์กร (Stakeholders) 3. ความเสี่ยงต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นขององค์กร ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสินค้าหรือบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หากธุรกิจไม่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม อาจส่งผลต่อยอดขายและความเชื่อมั่นของลูกค้า 4. ความเสี่ยงทางกฎหมายและข้อบังคับ หลายประเทศและองค์กรกำหนดให้มีการเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม หากธุรกิจไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับหรือถูกดำเนินคดีทางกฎหมายในอนาคต สำหรับแนวคิด Triple Bottom Line หรือ 3Ps (Profit, Planet, People) มีความเชื่อมโยงกับ Green Accounting เพราะ Green Accounting สะท้อนความเชื่อมโยงกับ Planet (สิ่งแวดล้อม) มากที่สุด เพราะเป็นแนวทางที่ช่วยให้องค์กรสามารถบันทึก วิเคราะห์ และจัดการข้อมูลทางบัญชีที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง ทั้งนี้ แม้ว่า Green Accounting จะมีความเกี่ยวข้องกับ People และ Planet ในแง่ของผลกระทบต่อสังคมและผลประกอบการของธุรกิจ แต่จุดเน้นหลักของ Green Accounting ยังคงอยู่ที่ Planet เพราะเป็นเครื่องมือที่ใช้วัดและควบคุมผลกระทบที่องค์กรมีต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน Green Accounting มีความสัมพันธ์ต่อแนวคิด ESG (Environmental, Social, Governance) โดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อม (E) เพราะ Green Accounting ช่วยทำให้องค์กรสามารถวิเคราะห์และวัดผลกระทบของกิจกรรมทางธุรกิจที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยสนับสนุนการรายงานด้านสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากล เช่น Global Reporting Initiative (GRI) และ Sustainability Accounting Standards Board (SASB) อย่างไรก็ตาม ยังมีบทบาทที่เกี่ยวข้องกับอีก 2 องค์ประกอบของ ESG ด้วย เพราะ Green Accounting ช่วยเชื่อมโยง Social (S) เพื่อสร้างความไว้วางใจและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร นำมาซึ่งการสนับสนุนจากลูกค้าและสังคมมากขึ้น และการลดผลกระทบทางลบต่อชุมชน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง เช่น การผลิตและพลังงาน นอกจากนี้ ยังช่วยเชื่อมโยง (G) เพื่อช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การผลิตและพลังงาน และช่วยทำให้ธุรกิจสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปรับตัวของนักบัญชีและธุรกิจ การปรับตัวของนักบัญชี : การปรับตัวของนักบัญชีในยุคการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมนั้นมีความสำคัญมาก นักบัญชีต้องมีความเข้าใจในมาตรฐานและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ เช่น การประเมินต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อม การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นต์ หรือการรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยทั้งหมดนี้จะช่วยให้นักบัญชีสามารถให้คำแนะนำที่ดีแก่ผู้บริหารในการตัดสินใจทางธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ นักบัญชียังต้องเข้าใจและสามารถใช้เครื่องมือทางบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการบัญชีสีเขียว เช่น การใช้เครื่องมือในการวัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การจัดทำรายงานการปล่อยคาร์บอน หรือการประเมินผลกระทบของการดำเนินงานที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อช่วยให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ ได้ การปรับตัวของธุรกิจ : ส่วนการปรับตัวของธุรกิจเป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นกัน เพื่อให้ธุรกิจมีการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายและกติกาทางสิ่งแวดล้อม องค์กรจะต้องจัดทำกลยุทธ์และมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง รวมถึงการใช้ระบบบัญชีสีเขียวในการรายงานข้อมูลการเงินที่สะท้อนการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ การปล่อยมลพิษ และการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ดังนั้นองค์กรต้องมีการพัฒนาทีมงานที่จะสามารถทำงานร่วมกับนักบัญชีในการรวบรวมข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม และนำข้อมูลเหล่านั้นมาประเมินผลการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ หรือการปรับปรุงกระบวนการในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น นอกจากการปรับตัวข้างต้น ยังมีเรื่องความไม่แน่นอนของนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศต่าง ๆ ที่ยังคงเป็นปัจจัยที่ธุรกิจต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของผู้นำทางการเมืองระดับโลก เช่น การบริหารประเทศภายใต้ประธานาธิบดี Donald Trump ซึ่งอาจนำไปสู่การผ่อนปรนกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมในสหรัฐอเมริกาและส่งผลกระทบต่อแนวทางการดำเนินธุรกิจทั่วโลก ในขณะที่สหภาพยุโรปยังคงเดินหน้าผลักดันกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นนักบัญชีจึงมีอีกหนึ่งบทบาทที่สำคัญในการช่วยองค์กรติดตามกฎหมายที่เปลี่ยนแปลง และตอบสนองต่อความไม่แน่นอนเหล่านี้ได้ทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ
จากบทความเรื่อง “Green Accounting การบัญชีกับความยั่งยืนทางธุรกิจ ” Section: Cover Story / Column: Cover Story/ อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่... วารสารเอกสารภาษีอากร ปีที่ 44 ฉบับที่ 523 เดือนเมษายน 2568 หรือสมัครสมาชิก “วารสารเอกสารภาษีอากร” เพื่อรับสิทธิอ่านและสืบค้นบทความ ผ่านระบบ e- Magazine Index
|
|
|
|
|
|

|