ค่ารับรองหรือค่าบริการ ผลกระทบกับ ภาษีซื้อ & รายจ่ายของกิจการ
โดย
 |
|
ค่ารับรองหรือค่าบริการ ผลกระทบกับ ภาษีซื้อ & รายจ่ายของกิจการ
|
ภาษีซื้อของค่ารับรองหรือค่าบริการ เมื่อกิจการมีรายจ่ายค่ารับรองหรือค่าบริการและมีภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีซื้อของรายจ่ายค่ารับรองหรือค่าบริการถือเป็นภาษีซื้อต้องห้าม * ก. ค่ารับรองหรือค่าบริการ ไม่ว่าจะจ่ายเพื่อการรับรองหรือให้บริการแก่บุคคลใดๆ และไม่ว่าจะอำนวยประโยชน์แก่กิจการหรือไม่ก็ตาม เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ค่ามหรสพ คำใช้จ่ายเพื่อการกีฬา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน ข. ค่าสิ่งของหรือประโยชน์อื่นใดที่ให้แก่บุคคลซึ่งได้รับการรับรองหรือรับบริการ ตาม (ก) และบุคคลอื่น ภาษีซื้อดังกล่าว ถือเป็นภาษีซื้อต้องห้ามนำไปหักออกจากภาษีขายหรือขอคืนภาษีซื้อ แต่ผู้ประกอบการมีสิทธินำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ ไม่ต้องห้าม ตามมาตรา 65 ตรี (6 ทวิ) แห่งประมวลรัษฎากร * ตามมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากร และ ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 17) การวางแผนภาษี ค่ารับรองหรือค่าบริการ : สรรพากรยอมให้ถือเป็นรายจ่าย ในการคำนวณกำไรสุทธิได้นั้น ควรมีการวางระบบควบคุมภายในของกิจการกำหนดระเบียบของค่ารับรองหรือค่าบริการไว้ เช่น 1. ต้องมีหลักฐานการจ่ายเงินหรือพิสูจน์ได้ว่าผู้รับเงินมีตัวตนจริง อาจเลือกวิธีหนึ่ง ดังต่อไปนี้ 1.1 มีบิลเงินสด ใบเสร็จรับเงิน หรือใบกำกับภาษี 1.2 ทำใบรับเงินหรือใบสำคัญการจ่ายเงิน โดยระบุชื่อผู้ขายหรือผู้รับเงิน ที่อยู่ และ เลขประจำตัวบัตรประชาชนหรือเลขประจำตัวผู้เสียภาษี พร้อมรายละเอียด การรับรองหรือบริการ และจำนวนเงิน 1.3 จ่ายเป็นเช็คขีดคร่อม A/C Payee Only พร้อมถ่ายสำเนาเก็บไว้เป็นหลักฐาน 1.4 ใช้วิธีการโอนเงินเข้าบัญชี และเก็บสำเนาใบ Pay-in เป็นหลักฐานการจ่ายเงิน
2. ต้องระบุได้ว่า ได้มีการพาบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยประโยชน์ต่อกิจการไปรับรองหรือบริการจริง เช่น 2.1 ระบุชื่อพร้อมที่อยู่ของบุคคลภายนอกไว้ไนใบเบิกเงินหรือใบสำคัญจ่าย 2.2 ต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่าบุคคลภายนอกดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกิจการหรือเอื้ออำนวยประโยชน์ต่อกิจการ
|
|
|