งานปิดบัญชีที่ควรจะดำเนินการก่อนที่จะได้งบการเงิน
โดย
 |
|
งานปิดบัญชีที่ควรจะดำเนินการก่อนที่จะได้งบการเงิน
|
การจะทำให้งบการเงินนั้นน่าเชื่อถือนั้น นอกเหนือจากการนำเอาข้อมูลรายการค้าที่ถูกต้องมาปิดบัญชีแล้ว ยังหมายถึงการปิดบัญชีโดยการนำเอาปัจจัยอื่นใดที่มีผลต่อฐานะการเงินและการดำเนินงานมาสะท้อนลงไปในมูลค่ายอดคงเหลือของสินทรัพย์และหนี้สินด้วยในระหว่างการปิดบัญชีเพิ่มเติมไปจากเกณฑ์คงค้างของทางบัญชีหรือเกณฑ์สิทธิ์ของประมวลรัษฎากร ซึ่งเป็นกระบวนการขั้นพื้นฐานของการปิดบัญชีตามขั้นตอนข้างต้น แล้วควรจะนำเอาเรื่องใดบ้างมาแสดงสะท้อนลงไปในงบการเงิน เราลองมาดูตัวอย่างของงานปิดบัญชีที่ควรจะดำเนินการก่อนที่จะได้งบการเงินออกมาเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นกัน ซึ่งประกอบด้วย 1. อ่านสัญญาให้ละเอียด 2. ตรวจนับสินทรัพย์อย่างสม่ำเสมอหรืออย่างน้อยในวันปิดบัญชี 3. กระทบยอดรายการทางบัญชีที่สำคัญกับข้อมูลภาษี 4. ติดตามสอบถามข้อมูลกับฝ่ายจัดการอย่างใกล้ชิด
1. อ่านสัญญาให้ละเอียด ในการเตรียมข้อมูลเพื่อพินิจพิเคราะห์ว่า รายการต่าง ๆ ตามเกณฑ์คงค้างได้ถูกนำเสนอครบถ้วนแล้วหรือไม่ การอ่านสัญญาต่าง ๆ ที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่จึงจำเป็นมาก ถึงแม้ว่าการจดบันทึกรายการรายได้หรือค่าใช้จ่ายตามเอกสารทางการค้าที่ได้เกิดขึ้นแล้วนั้น จะเรียกได้ว่าเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลทางการเงินที่น่าจะครบถ้วนแล้ว แต่อาจจะยังมีรายการรายได้หรือค่าใช้จ่ายที่ยังนำเสนอไม่ครบถ้วนด้วยเงื่อนไขในสัญญายังไม่ถึงกำหนดเวลาที่จะออกเอกสารเหล่านั้น เพราะยังไม่ถึงกำหนดเรียกเก็บหรือมีภาระผูกพันอันเกิดจากการผิดเงื่อนไขในสัญญาใดที่อยู่ในระหว่างการเจรจาระหว่างคู่สัญญาหรือไม่ ตลอดจนต้นทุนในการปฏิบัติตามสัญญาให้เสร็จสิ้นเมื่อเทียบกับรายได้ที่มีสิทธิเรียกเก็บตามสัญญาที่เหลืออยู่ยังคงมีผลตอบแทนกำไรอยู่เท่าเดิมตามที่ได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการบันทึกรายการหรือไม่ ในส่วนนี้หลังจากอ่านสัญญาอย่างละเอียดแล้ว อาจจะมีรายการปรับปรุงทางบัญชีที่จำเป็นเพื่อจะทำให้การปิดบัญชีเกี่ยวกับจำนวนรายได้ที่นำเสนอในงบกำไรขาดทุนจะได้แสดงได้ครบถ้วนสมบูรณ์ โดยตั้งบัญชีรายได้ค้างรับและงานระหว่างทำรอเรียกเก็บประกอบไว้ในงบฐานะการเงิน หรือในส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เป็นค่าใช้จ่ายค้างจ่าย เพราะยังไม่ได้รับเอกสารหรือยังไม่ถึงกำหนดการแจ้งหนี้ก็จะได้ถูกนำเสนอเป็นค่าใช้จ่ายได้ครบถ้วนด้วย นอกจากนั้น เมื่อมองในภาพของการปิดบัญชีเกี่ยวกับกำไรขั้นต้นหรือขาดทุนขั้นต้นของแต่ละสัญญาแล้ว ได้นำเสนออย่างถูกต้องหรือไม่ เพื่อให้การปิดบัญชีโดยสมบูรณ์ การอ่านรายละเอียดของสัญญาแต่ละสัญญาประกอบกับการเปรียบเทียบรายการรายได้และค่าใช้จ่ายตามสัญญาที่รับรู้รายการไปแล้ว และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามสัญญาให้เสร็จสิ้นนับจากวันที่งบฐานะการเงินยังคงเป็นไปตามแผนการบริหารจัดการสัญญาที่วางไว้หรือไม่ เพื่อที่จะพิสูจน์เกี่ยวกับสมมติฐานของอัตรากำไร (ขาดทุน) ขั้นต้นของสัญญาที่ใช้ในการปันส่วนรายการและรับรู้กำไร (ขาดทุน) ของสัญญาตามงวดที่เรียกเก็บเงินตรงตามข้อเท็จจริงของสัญญาจริง การอ่านสัญญาจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยไปในขั้นตอนการปิดบัญชี รวมไปถึงกรณีสัญญาเงินกู้ยืมระยะยาวกับสถาบันการเงินที่ในหลาย ๆ ครั้งที่เจ้าหนี้จะบริหารความเสี่ยงโดยการกำหนดเงื่อนไขในสัญญา อาทิ ผู้กู้จะต้องดำรงสถานะทางการเงินบางประการ เช่น อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ณ วันที่ในงบฐานะการเงินตลอดระยะเวลาของสัญญาเงินกู้จะต้องไม่เกินอัตราที่ตกลงกันไว้ในสัญญา การอ่านสัญญาเงินกู้และเปรียบเทียบเงื่อนไขดังกล่าวกับอัตราส่วนที่เกิดขึ้นจริงว่าได้มีการกระทำการผิดเงื่อนไขหรือไม่ อันเป็นผลให้เจ้าหนี้อาจจะดำเนินการตามสิทธิ เช่น การยกเลิกสัญญาหรือการเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระเงินต้นจนทำให้สถานะของเงินกู้ยืมนั้นอาจจะไม่ใช่หนี้สินไม่หมุนเวียนอีกต่อไป โดยการปรับปรุงการนำเสนอรายการจากหนี้สินไม่หมุนเวียนเป็นหนี้สินหมุนเวียน เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงที่ถูกต้องในงบการเงินจะต้องดำเนินการในระหว่างการปิดบัญชี ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวอาจจะไม่จำเป็น หากมีหลักฐานการยกเว้นการใช้สิทธิของเจ้าหนี้ก่อนวันที่ในงบการเงินมาเก็บไว้คู่กับสัญญาเงินกู้ยืมในรอบระยะเวลาบัญชีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าว ส่วนอีก 3 ข้อ ติดตามได้ในเล่ม
จากบทความ : Year-end Is Calling เตรียมปิดบัญชีประจำปี โดย : วิทยา เอกวิรุฬห์พร/ Section : Accounting Style / Column : CPD Talk อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่...วารสาร CPD & Account ปีที่ 21 ฉบับที่ 253 เดือนมกราคม 2568
|
|
|
|
|
|

|