กรมพัฒน์ฯ ร่วมมือ ก.ล.ต. ผลักดันตลาดทุนไทยให้มีเสถียรภาพ
โดย
|
กรมพัฒน์ฯ ร่วมมือ ก.ล.ต. ผลักดันตลาดทุนไทยให้มีเสถียรภาพ นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "เมื่อเร็วๆ นี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้หารือร่วมกับนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ถึงแนวทางความร่วมมือในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจ และการทำงานเชิงรุก เพื่อรับมือกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปจากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 โดยทั้ง 2 หน่วยงานเห็นพ้องต้องกันใน การบูรณาการความร่วมมือกันอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันให้ตลาดทุนไทยมีเสถียรภาพ สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั้ง ชาวไทยและชาวต่างประเทศ เนื่องจากตลาดทุนของไทยยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ยังมีความเข้มแข็ง โดยเฉพาะเรื่องความสะดวกในการเริ่มต้นประกอบธุรกิจที่ประเทศไทยมีองค์ประกอบสำคัญๆ ครบถ้วน เช่น โครงสร้างทางเศรษฐกิจที่มั่นคง ระบบสาธารณูปโภคที่ครบครัน การประสานงานและติดต่อหน่วยงานภาครัฐทำได้โดย ง่าย ฯลฯ ซึ่งทุกองค์ประกอบล้วนแล้วแต่เอื้อประโยชน์ต่อนักลงทุนทั้งสิ้น" "นอกจากนี้ กรมฯ และ ก.ล.ต.จะได้ร่วมกันพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนของไทย โดยมีการทบทวนเพื่อให้มี ความทันสมัยเข้ากับสถานการณ์การประกอบธุรกิจในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้การลงทุนประกอบธุรกิจ ในตลาดทุนไทยเป็นไปด้วยความสะดวก และเป็นกลไกหลักในการดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในไทยมากขึ้น โดยทั้ง 2 หน่วยงานจะพิจารณาถึงผลดีผลเสียและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสีย ทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน และเร็วๆ นี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ ก.ล.ต. จะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การบูรณาการความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจ และการเชื่อมโยงข้อมูลผู้ประกอบธุรกิจเพื่อ สนับสนุนการดำเนินงานตลาดทุนไทย โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ ก.ล.ต. จะมีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และคาดว่าหลังจากที่ทั้ง 2 หน่วยงานได้มีการบูรณาการความร่วมมือกันอย่างเต็มที่แล้ว จะทำให้ตลาดทุนของไทยมี ความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ผนวกกับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศที่ค่อยๆ ขยับขึ้นจะเป็นปัจจัยบวกต่อความเชื่อมั่น ส่งให้บรรยากาศการลงทุนในประเทศดีขึ้น และพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มีความมั่นคง ยั่งยืนต่อไป" ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ธปท. เปิดเผยข้อมูลความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ นางวิเรขา สันตะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยข้อมูลความคืบหน้าการช่วยเหลือลูกหนี้ ประเมินว่ามาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของ ธปท. ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อ เนื่องตั้งแต่ต้นปี 2563 จากการให้ความช่วยเหลือเป็นการทั่วไปในวงกว้าง ปรับให้มาเป็นการให้ความช่วยเหลือเชิงรุกและ ตรงจุดที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกหนี้แต่ละรายนั้น มีความคืบหน้าตามเจตนารมณ์ของการปรับนโยบายจากครอบคลุม เป็นเจาะจง เห็นได้จากสถานะและความสามารถจ่ายชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขของลูกหนี้ในภาพรวมดีขึ้น ไม่เกิดปัญหาผิดนัด ชำระหนี้จำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว (cliff effect) หลังมาตรการพักชำระหนี้ที่ทยอยครบกำหนด ในภาพรวมลูกหนี้ที่ขอรับการช่วยเหลือทยอยลดลงจาก 7.2 ล้านล้านบาท ในเดือนกรกฎาคม 2563 เหลือ 6 ล้านล้านบาท ในเดือนตุลาคม 2563 โดยเมื่อครบกำหนดมาตรการการพักชำระหนี้ ลูกหนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ขอรับความช่วยเหลือต่อ และสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ ทั้งนี้การช่วยเหลือที่ผ่านมาเป็นลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ประมาณร้อยละ 55 และของสถาบันการเงินเฉพาะกิจร้อยละ 45 จากสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง ธปท. ได้ติดตามและร่วมมือกับสถาบันการเงินเพื่อดูแลลูกหนี้อย่างใกล้ชิด และเพื่อ พิจารณามาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ได้ทันต่อเหตุการณ์ มีประสิทธิภาพ และสามารถรักษาความมั่นคงของระบบ การเงิน สำหรับลูกหนี้ที่ประสบปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมสามารถติดต่อผ่าน call center ของสถาบัน การเงินแต่ละแห่งได้โดยตรง หรือ โทร 1213 ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริหารทางการเงิน ธปท. ส่วนลูกหนี้ที่มีปัญหาการติดต่อ สถาบันการเงิน สามารถแจ้งความต้องการที่จะปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินผ่าน "ทางด่วนแก้หนี้” เว็บไซต์ https://www.1213.or.th/App/DebtCase ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย
Learning : Happening : กองบรรณาธิการ วารสาร : CPD&ACCOUNT กุมภาพันธ์ 2564
|
|
|
|