วิกฤตครั้งใหญ่ที่ไทยเจอ!

โดย

 



ผลกระทบวิกฤต “ต้มยำกุ้ง (พ.ศ.2540)”
เงินบาทลอยตัว จากค่าเงิน 25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนตัวลงสูงสุดเกือบ 52 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้ที่กู้เงินจาก
ธนาคารเป็นหนี้เพิ่มขึ้นเท่าตัวเพียงช่วงข้ามคืน
ธุรกิจปิดกิจการ พนักงานถูกปลดออกจนหมด จากการเป็นหนี้อย่างมหาศาลของกลุ่มธุรกิจและองค์กรต่างๆ จนมีการประท้วง
ของประชาชนเกิดขึ้น
วิกฤตทางการเงินนี้ ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศในทวีปเอเซีย ถือว่ามีความรุนแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยมาก
ในยุคนั้น

ผลกระทบวิกฤต “แฮมเบอร์เกอร์ (พ.ศ.2550)”
ดัชนีราคาหุ้นตกต่ำ ตลาดหุ้นทั่วโลกตกต่ำลงอย่างมาก ทำให้การลงทุนของสหรัฐอเมริกาในประเทศไทย ลดลงอย่างรวดเร็ว
เศรษฐกิจชะลอตัว จากปัญหาวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ทำให้เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยชะลอตัว ส่งผลให้การส่งออกของ
ไทยชะลอตัวลงไปด้วย
เป็นวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระต่อเศรษฐกิจโลกเนื่องจากเป็นประเทศมหาอำนาจ จึงทำให้กระทบต่อเศรษฐกิจ
เป็นวงกว้าง

ผลกระทบวิกฤต “COVID-19 (พ.ศ.2563)”
ธุรกิจการท่องเที่ยวซบเซา ไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จากมาตรการควบคุมการแพร่
ระบาดของต่างประเทศ ทำให้สายการบินสั่งยุติการเดินทางชั่วคราว จึงส่งผลให้รายได้การท่องเที่ยวของไทยลดลงถึง 50%
การผลิตหยุดชะงัก ภาคอุตสาหกรรมประสบปัญหาชะงักการผลิต เนื่องจากจีนสั่งปิดโรงงานในประเทศ ทำให้กระทบกับยอด
การผลิตและส่งออกของทุกประเทศทั่วโลก
พนักงานตกงานจำนวนมาก ภาวะเศรษฐกิจทีตกต่ำบวกกับการระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้บริษัทต่างๆในประเทศไทย
สั่งปลดพนักงานหรือสั่งพักงานชั่วคราว เนื่องจากต้องประคองให้ธุรกิจยังคงอยู่ได้
เป็นวิกฤตเศรษฐกิจโดยการระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งส่งผลกระต่อระบบเศรษฐกิจอย่างมาก และไม่เพียงแค่นั้น ยังส่ง
ผลไปถึงความเป็นอยู่ของประชาชน ความมั่นคง และความปลอดภัยในประเทศ วิกฤตนี้ถือเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดและ
ยังลุกลามเป็นแนวกว้างอีกหลายประเทศทั่วโลก


เกร็ดความรู้กับธรรมนิติ : วิกฤตครั้งใหญ่ที่ไทยเจอ!

 

 




FaLang translation system by Faboba