“แม่ทองสุก” ผู้นำนวัตกรรมดิจิทัล พลิกโฉมธุรกิจค้าทองของเมืองไทย

โดย

 



หากเอ่ยชื่อ “ห้างทองแม่ทองสุก” เชื่อว่าคนทั่วไปและนักลงทุนต่างรู้จักและคุ้นเคยกันดี ในฐานะผู้ทำธุรกิจค้าปลีก
และค้าส่งทองคำรายใหญ่ของประเทศ ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและมีชื่อเสียงมายาวนานถึง 67 ปี  จาก
ร้านทองตู้แดงเล็กๆ แถววงเวียนใหญ่ที่มีพนักงานไม่กี่คน พลิกโฉมสู่เส้นทางค้าทองออนไลน์ พัฒนานวัตกรรมด้าน
ต่างๆ ต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง จนก้าวกระโดดกลายเป็นร้านค้าทองอันดับต้นๆ ของประเทศและผู้นำด้านการลงทุน
ทองคำครบวงจร... MTS Gold หรือ กลุ่มบริษัทห้างทองแม่ทองสุก มีแนวคิดและวิธีการบริหารองค์กรอย่างไรให้
เติบโตและประสบความสำเร็จมาโดยตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

HR Society Magazine ฉบับนี้อาสาพาคุณผู้อ่านไปพูดคุยถึงเคล็ดลับการบริหารงานและบริหารคน จาก
นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร กลุ่มบริษัท MTS Gold แม่ทองสุก ค่ะ

“ห้างทองแม่ทองสุก...เป็นกิจการของครอบครัวที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ผมเกิดแล้ว เป็นร้านทองเล็กๆ ที่มีลูกน้องเพียงแค่
2-3 คนอยู่หน้าร้าน บริหารงานแบบคนจีนโบราณที่ทำงานกันโดยใช้ความเชื่อใจ ไม่ได้มีระบบใดๆ  ส่วนตัวผมเอง
เลือกที่จะเป็นหมอและไม่มีความคิดที่จะทำธุรกิจการค้าเลย แต่ด้วยเป็นธุรกิจของครอบครัวก็เลยเข้ามาช่วยคุณแม่
บ้างเล็กๆ น้อยๆ โดยที่ตอนแรกไม่รู้เรื่องทองคำเลย” คุณหมอเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเข้ามาช่วยกิจการของครอบครัว 

 “เมื่อปี พ.ศ. 2540 ซึ่งเกิดฟองสบู่แตกค่าเงินบาทลดลง เราเริ่มนำเข้าส่งออกทองคำไปต่างประเทศ โดยใช้ความรู้
ภาษาอังกฤษจากการเรียนแพทย์มาคุยกับต่างชาติว่าเราจะทำเครดิต จะทำ Trading อย่างไร ทำให้เราเข้าใจระบบ
การซื้อขายทองคำในตลาดโลก และสามารถพัฒนาระบบการซื้อขายทองคำของเราเข้าสู่ Online Trading รายแรก
ของประเทศไทย จากร้านแม่ทองสุกที่โนเนมไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนั้น ในปี พ.ศ. 2541 เราก้าวกระโดดเป็นเบอร์ 2
ของประเทศในการส่งออกทองคำด้วยยอด 6,000 ล้านบาท

ยุคนั้นเราโตแบบก้าวกระโดดมาก จากยอด 6,000 ล้านบาทต่อปี เราโตขึ้นเป็น 8,000 ล้านบาทต่อปี ปีต่อมา
12,000 ล้านบาทต่อปี  อีกปีหนึ่งโตเป็น 15,000 ล้านบาทต่อปี จากนั้นเป็น 30,000 ล้านบาทต่อปี และ
60,000 ล้านบาทต่อปี และ 80,000 ล้านบาทต่อปี จนยอดโตขึ้นเป็น 120,000 ล้านบาทต่อปี หลังจากนั้นยอด
ก็ทะลุมาตลอดจนถึง 500,000 ล้านบาทต่อปี 

หลังจากนั้นเราก็เริ่มพัฒนาตัวเองเป็นผู้ค้าส่งทองคำ ส่งออกทั้งในประเทศและต่างประเทศแบบครบวงจรมากขึ้น
จนกระทั่งประมาณปี พ.ศ. 2544-2545 เราเริ่มมีโรงงานผลิตทองคำของเราเอง 

จากเส้นทางดังกล่าวทำให้เราเติบโตจาก Retail เป็น Wholesale จนเป็น Exporter - Importer และเข้าสู่ระบบ
Broker ของ Gold futures ในปี 2552 โดยซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เข้าสู่ระบบโรงงานผู้ผลิต
ทองคำแท่ง โรงงานผู้สกัดทองคำให้บริสุทธิ์ เติบโตเข้าสู่ระบบการค้าระหว่างประเทศ ขยายตลาดไปสู่ประเทศสิงคโปร์ 
ประเทศฮ่องกง  และประเทศจีน”

สร้างธุรกิจนำ พัฒนาระบบและคนตาม
“เรามองเรื่องธุรกิจนำ เพราะธุรกิจต้องเติบโตถึงจะมีเงินในการจ้างคน และหลังจากธุรกิจเติบโตเราค่อยสร้างระบบให้
โตตาม จากนั้นก็ค่อยๆ พัฒนาคนขึ้นมาตามธุรกิจ ในอดีตเราโตแบบ 100% มาตลอด ซึ่งหมายความว่า ธุรกิจดึง
ให้เกิดระบบ ทำให้เราคิดในเรื่องของการพัฒนาระบบให้ทันธุรกิจ ทำให้ธุรกิจเป็นระบบ Computerized มากขึ้น
นอกจากนั้น เรายังเชื่อในเรื่องของ CIA ซึ่งประกอบด้วย
C คือ Creativity เราต้อง Create ของใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด
I คือ Innovation ที่เราต้องพัฒนาอยู่เสมอ
A คือ Adaptation ทุกอย่างต้องคิดและต้องลงมือทำจริงๆ จึงจะสำเร็จ
และนอกจากเรื่อง CIA แล้วก็ต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และต้องมี Feedback Control อีกที เราต้อง
สร้างและพัฒนาระบบแบบนี้วนไปเรื่อยๆ เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราที่ว่า “Smart Solution in Gold
Investment” 

การสื่อสาร เรื่องสำคัญของงานบริหารบุคคล
“สิ่งสำคัญสำหรับเรื่องคนคือ การสื่อสาร ผมบอกลูกน้องเสมอว่าเวลาเราคุยกับคุณ เราไม่ได้คิดว่าข้อมูลจะอยู่แค่ที่คุณ
แต่คุณจะต้องไปสื่อสารกับทีม ต้องกระจายข้อมูลไปสู่ลูกน้องของคุณผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งเรามีทั้งบอร์ดประกาศ   
รวมถึงช่องทางออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงข้อมูลในลักษณะใกล้เคียงกันมากที่สุด 
เราไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องบุคลากร เพราะเรื่องการบริหารคนจะเป็นหนึ่งในหัวข้อของการประชุมบอร์ดบริหารอยู่เสมอ
ทำให้เรามีการปรับเปลี่ยนเรื่องการบริหารคนอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้มีความเหมาะสม ผมมองว่าองค์กรที่จะเติบโต จะไม่
ปรับเปลี่ยนหรือไม่ทำอะไรเลยไม่ได้ ทุกอย่างในองค์กรจะต้องโตไปพร้อมๆ กันรวมทั้งเรื่องคน”

ซื่อสัตย์และขยัน DNA บุคลากรแม่ทองสุก
“เราเน้นเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต สำหรับที่นี่เรื่องเดียวที่เรายอมไม่ได้เลยคือ เรื่องทุจริตหรือขโมยทอง ไม่ว่าจะ
เท่าไหร่ก็แล้วแต่ ถึงแม้จะบอกว่าคุณเพิ่งจะขโมยแต่ผมยอมไม่ได้ เป็นเส้นที่ห้ามข้าม ถ้าข้ามเส้นนี้ต้องพ้นสภาพ
พนักงานอย่างเดียว 
บุคลากรของแม่ทองสุก จึงต้องมีความซื่อสัตย์เป็นหลักแรก เพราะลูกค้าเองก็ไว้ใจเรามาก อย่างในยุคที่ต้องเข้าคิวซื้อ
ทอง ลูกค้าเอาเงินมาให้เราโดยฝากทองกับเราไว้มูลค่าสูงถึง 500 – 600 ล้านบาท ส่วนเขาได้แต่ ตั๋วซึ่งเป็นกระดาษ
เพียงแผ่นเดียวไปถือไว้ ซึ่งตรงนี้เป็นความไว้ใจที่ไม่ได้สร้างกันได้ในเพียงชั่วข้ามคืนแต่เป็นการรู้จักกันยาวนาน
นอกจากเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตแล้ว คุณสมบัติอีกข้อหนึ่งที่เราต้องการคือ ความขยันขันแข็ง คุณจะไม่ฉลาดผมไม่ว่า
คนฉลาดผมกลับกลัวเสียอีก เพราะคนที่ฉลาดมากๆ บางคนจะขี้โกง แต่ในองค์กรจะไม่มีคนฉลาดเลยก็เป็นไปไม่ได้ ต้อง
รู้จักคนของเราและวางคนให้ถูกกับงานด้วย” 

ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของคุณหมอ ทั้งทางด้านการบริหารธุรกิจผ่านนวัตกรรมดิจิทัลที่ผนวกเข้ากับหลักการบริหารและ
พัฒนาบุคลากรที่มีความยืดหยุ่นและทันสมัย ผสานกันอย่างกลมกลืนในทุกภาคส่วน เป็นคำตอบที่ทำให้เราไม่แปลกใจ
เลยค่ะว่า เพราะเหตุใด “ห้างทองแม่ทองสุก” จึงสามารถพลิกโฉมธุรกิจและเติบโตอย่างยั่งยืนเช่นปัจจุบัน 


  บางส่วนจากบทความ  ““แม่ทองสุก” ผู้นำนวัตกรรมดิจิทัล พลิกโฉมธุรกิจค้าทองของเมืองไทย” 
  อ่านบทความเต็มได้ใน... วารสาร HR Society magazine ปีที่ 17 ฉบับที่ 203 เดือนธันวาคม 2562

Cover Story : กองบรรณาธิการ
วารสาร : HR Society Magazine ธันวาคม 2562


FaLang translation system by Faboba