การจัดเก็บภาษีอากร : ธุรกิจออนไลน์

โดย

 



e-Payment กับ ธุรกิจออนไลน์


ในขณะที่โลกการค้าในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้คนทั่วไปมี
ทางเลือกในการใช้ชีวิตและการบริโภคมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนทั่วไปมีทางเลือกรูปแบบ
ช่องทาง วิธีการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

e-Payment หรือ Electronic Payment เป็นระบบที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มความสะดวก
ให้กับผู้ใช้งาน โดยมีลักษณะเป็นระบบที่สามารถทำการโอนชำระเงินผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างง่ายดาย
ซึ่งตัวกลางที่ใช้ในการโอนก็คือ คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน และมีระบบอินเทอร์เน็ตเป็นตัวช่วยในการเชื่อมต่อ
โอนผ่าน Payment Gateway ในรูปแบบของเว็บไซต์ และยังสามารถทำธุรกรรมการเงินต่างๆ ผ่านทางบัตรเครดิตได้
โดยไม่มีเงินสดหรือตราสารทางการเงินที่เป็น กระดาษ (เช่น เช็ค ดราฟท์ ตั๋วแลกเงิน) เข้ามาเกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตามระบบ e-Payment อยู่ภายใต้การทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ดังนั้น ก่อนเปิดใช้งาน จึงต้องมี
การขออนุญาตจากธนาคารก่อน ซึ่งธุรกิจที่อยู่ภายใต้การทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ก็มีทั้งหมด 8 บริการดังนี้
 
1. เครื่องเอทีเอ็ม (ATM หรือ Automated Teller Machine) เป็นเครื่องทำธุรกรรมทางการเงินอัตโนมัติของ
ธนาคารพาณิชย์ที่ให้บริการหลากหลายทั้งถอนเงินสด โอนเงิน สอบถามยอด ชำระค่าสินค้า/บริการ ฯลฯ ตลอดเวลา

2. เครื่องรับบัตร ณ จุดขาย (EDC/EFTPOS หรือ Electronic Data Capture/Electronic Fund Transfer
at Point of Sales)
ซึ่งติดตั้งที่ร้านค้าเพื่อรับชำระค่าสินค้า/บริการผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตรอื่นๆ   

3. การชำระเงินทางโทรศัพท์มือถือ (Mobile Payment) เป็นการทำธุรกรรมทางการเงินด้วยตนเองผ่าน
โทรศัพท์มือถือ 

4. การชำระเงินผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Online Payment) โดยผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น
เครื่องคอมพิวเตอร์ นาฬิกาอัจฉริยะ (Smart Watch) แหวนอัจฉริยะ (Smart Ring) อุปกรณ์อัจฉริยะ (Smart Devices)
อื่นๆ โดยผู้ซื้อสามารถเลือกชำระเงินผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต บัญชีเงินฝาก หรือ e-Money เป็นต้น

5. บัตรเอทีเอ็ม (ATM Card) เป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งธนาคารออกให้ เพื่อใช้ในการทำธุรกรรมผ่านตู้ ATM 

6. บัตรเดบิต (Debit Card) มีคุณสมบัติเหมือนบัตร ATM แต่สามารถนำไปใช้ชำระค่าสินค้า/บริการกับร้านค้าที่ร่วม
รับบัตรได้ด้วย โดยยอดเงินที่ต้องชำระจะถูกหักจากบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตรนั้นทันที

7. บัตรเครดิต (Credit Card) เป็นบัตรที่ใช้ชำระค่าสินค้า/บริการหรือใช้เบิกเงินสดล่วงหน้า โดยมีการกำหนดวงเงิน
การใช้จ่ายผ่านบัตร ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย และอัตราดอกเบี้ยหากเกินกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ 

8. เงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money หรือ Electronic Money) คือ มูลค่าเงินที่บันทึกอยู่ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (เช่น
ชิพคอมพิวเตอร์ในบัตร อิเล็กทรอนิกส์ เครือข่ายโทรศัพท์ หรือเครือข่ายอินเทอร์เน็ต) ซึ่งผู้ใช้จะเติมเงิน/ชำระเงิน
ล่วงหน้าไว้กับผู้ให้บริการ e-Money แล้วจึงหักมูลค่าเงิน เมื่อใช้ e-Money ในการซื้อสินค้า/บริการแทนเงินสด 

จากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พบว่าธุรกิจ e-Commerce เกือบทุกสาขาให้ความสำคัญกับ
การรับชำระเงินผ่านทางออนไลน์  โดยในแต่ละสาขามีธุรกิจมากถึงร้อยละ 70-90 ที่เปิดให้ลูกค้าสามารถชำระค่าสินค้า
/บริการทางออนไลน์ได้ ทั้งนี้ ช่องทางการชำระเงินที่นิยมเปิดให้บริการมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บัตรเครดิตและ
บัตรเดบิต (ร้อยละ 45) e-banking เช่น Internet Banking  Mobile Banking (ร้อยละ 29) ตามด้วยการชำระเงิน
ผ่าน Mobile Payment Application หรือตัวแทน (Third party) เช่น mPAY, TrueMoney และ Airpay (ร้อยละ 23)

ขณะนี้ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด และการดำเนินนโยบายการเงินอยู่ภายใต้กรอบ
เป้าหมายเงินเฟ้อ จึงอาจไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการพฤติกรรมลดการใช้เงินสด องค์กรผู้มีอำนาจทางการเงิน
ควรติดตามบทบาทของ e-payment กับพฤติกรรมการใช้เงินสดของคนไทยและนัยต่อการดำเนินนโยบายการเงินเป็น
ระยะ เพราะการที่ผู้ให้บริการชำระเงินรายย่อยเข้ามาเสนอทางเลือกใหม่และการมีเทคโนโลยีใหม่อาจทำให้พฤติกรรม
คนไทยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนอาจกระทบต่อการดำเนินนโยบายการเงินได้ในที่สุด

   
      บางส่วนจากบทความ “การจัดเก็บภาษีอากร : ธุรกิจออนไลน์”
      อ่านบทความฉบับเต็มได้ใน... วารสารเอกสารภาษีอากร ปีที่ 38 ฉบับที่ ฉบับที่ 456  เดือนกันยายน 2562




Cover Story : สมหมาย  ศิริอุดมเศรษฐ
วารสาร : เอกสารภาษีอากร กันยายน 2562



FaLang translation system by Faboba