พกโทรศัพท์ กล้องถ่ายรูป คอมพิวเตอร์ นาฬิกา ไปเที่ยวต่างประเทศ ทำไมถึงต้องเสียภาษี?

โดย

 



กำลังเป็นข้อถกเถียงกันอย่างมากในโลกโซเชียลในขณะนี้ สำหรับประเด็น “ของส่วนตัวมูลค่าไม่เกิน
20,000 บาท”
เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่ามีอะไรบ้างที่เราสามารถนำเข้ามาได้โดยที่ “ไม่ต้องสำแดงต่อศุลกากร”
นั่นหมายความว่า สิ่งของดังต่อไปนี้ คุณสามารถเดินเข้าช่องเขียวได้เลย
• ของใช้ส่วนตัวต่างๆ ที่มีมูลค่าไม่เกิน 20,000 บาท
• บุหรี่จำนวนไม่เกิน 200 มวน
• ซิการ์/ยาเส้นจำนวนไม่เกิน 250 กรัม
• สุราจำนวนไม่เกิน 1 ลิตร
• เงินตราต่างประเทศไม่เกิน 15,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา*


ประกาศกรมศุลกากร ๖๐/๒๕๖๑
ข้อ ๓ ของส่วนตัวที่เจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตนทางท่าอากาศยาน ที่จะสามารถได้รับยกเว้นอากร ตามภาค ๔
ประเภท ๕ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐
๓.๑ ของส่วนตัวที่เจ้าของที่นำเข้ามาพร้อมกับตน (Personal effects andaccompanied with the owner) สำหรับ
ใช้เองหรือใช้ในวิชาชีพและมีจำนวนพอสมควร มี่ราคารวมกัน ไม่เกินสองหมื่นบาทให้ได้รับยกเว้นอากร
๓.๒ สุรา หรือบุหรี่ หรือซิการ์ หรือยาเส้น ซึ่นเป็นของส่วนตัวที่เจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตนให้ได้รับยกเว้นอากร
ต่อเมื่อไม่เกินปริมาณ ดังต่อไปนี้
๓.๒.๑ บุหรี่สองร้อยมวน หรือซิการ์ หรือยาเส้น อย่างละสองร้อยห้าสิบกรัม หรือหลายชนิดรวมกันมีน้ำหนักทั้งหมด
สองร้อยห้าสิบกรัม แต่ทั้งนี้ บุหรี่ต้องไม่เกินสองร้อยมวน
๓.๒.๒ สุราหนึ่งลิตร
๓.๓ หากนำของตามข้อ ๓.๒ เข้ามาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ให้เจ้าของที่นำมาเข้ามาสละการครอบครองโดยนำไป
ใส่ไว้ในกล่องโปร่งใส (Drop Box) ที่ทางศุลการกรได้จัดทำไว้ด้านหน้าช่องเขียว-ช่องแดง

แล้วคำว่า “ของส่วนตัว” คืออะไร ?
เสื้อผ้า นาฬิกา กระเป๋า รองเท้า กล้องถ่ายรูป ของเหล่านี้นับเป็น “ของใช้ส่วนตัวทั้งสิ้น” ค่ะ นั่นหมายความว่า
หากเราไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วเราพกสิ่งของพวกนี้ไป ฟันธงได้เลยค่ะ เกิน 20,000 บาทแน่นอน !!

“มีจำนวนพอสมควร” คืออะไร ?
“มีจำนวนพอสมควร” ในความหมายของศุลกากรนั้น หมายถึง มีจำนวนพอสมควรแก่ฐานะของบุคคลนั้นๆ ที่มีลักษณะ
พอจะมองได้ว่า “เป็นของใช้ส่วนตัว” โดยต้องไม่มีลักษณะทางการค้า เช่น นาฬิกา โดยปกติทั่วไปคนเราใส่นาฬิกา
เพียง 1 เรือน ถูกต้องไหมคะ ? ซึ่งหากเจ้าหน้าที่เปิดกระเป๋าแล้วพบนาฬิกา 5 เรือน อย่างนี้อาจมองได้ว่าเป็นการขาย
ไม่ใช่ของใช้ส่วนตัวแล้วค่ะ หรือรองเท้า โดยปกติเราอาจจะใช้เพียงรองเท้าผ้าใบ 1 คู่ รองเท้าแตะ 1 คู่ แต่ถ้า
เจ้าหน้าที่ตรวจพบ รองเท้าผ้าใบ 3 คู่ รองเท้าแตะอีก 1 คู่ ก็อาจจะมองว่าไม่ใช่ของใช้ส่วนตัวที่มีจำนวนพอสมควร
*ทั้งนี้ แล้วแต่ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่*

แต่เราพกของเราไปเที่ยว ซื้อตั้งแต่ในเมืองไทย กลับมาแล้วทำไมถึงต้องเสียภาษี ?? ศุลกากรทำเกินไป
หรือเปล่า!

สำหรับผูู้โดยสารที่จะเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ที่จะนำของมีค่าออกไปซึ่งเป็นของเก่าที่ใช้แล้วและมีจำนวน
หรือปริฒาณพอสมควร รวมทั้งมีดครื่องหมายเลขหมายที่สามารถ ตรวจสอบได้ เช่น นาฬิกา กล้องถ่ายวิดีโอ
กล้องถ่ายรูป คอมพิวเตอร์สำหรับพกพา เพื่อเป็นหลักฐานในการขอรับการยกเว้นอากรในฐานะของใช้ส่วนตัว
ตอนนำตัวกลับเข้ามาพร้อมกับตน ให้แจ้งต่อพนักงานศุลกากร ณ ห้องที่ทำการศุลกากร บริเวณห้องผู้โดยสารขาออก
เมื่อพนักงานศุลกากรตรวจสอบของที่จะนำออกไปแล้ว จะมอบใบรับแจ้งของมีค่าที่ผู้โดยสารนำติดตัวออกไปและ
จะนำกลับเข้ามาพร้อมกับตนเพื่อแสดงต่อพนักงานศุลกากรช่องแดงในวันเดินทางกลับเข้าประเทศไทย
ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
(๑) เป็นของเก่าใช้แล้วและมีจำนวนพอสมควรแก่การเดินทาง
(๒) มีเครื่องหมายเลขหมาย (Serial Number) หรือหลักฐานอื่นที่สามารถตรวจสอบได้
(๓) มีภาพถ่ายของ ของที่นำมาแจ้งจำนวนสองชุด
(๔) พนักงานศุลกากร อาจทำเครื่องหมายเลขหมายไว้เป็นหลักฐาน
ทั้งนี้ ของมีค่าหรือของส่วนตัวผู้โดยสารที่นำติดตัวไปขณะเดินทางออกนอกราชอาณาจักรและใช้เป็นปกติวิสัย
ในระหว่างการเดินทาง หรือเป็นเครื่องประดับการแต่งกายตามปกติไม่ต้องแจ้งต่อพนักงานศุลกากร

ศุลกากรไม่ได้ทำเกินไป เป็นการทำตามที่กฎหมายกำหนดไว้ 
แต่ศุลกากรให้สิทธิคุณค่ะ เพียงแค่ทำการแจ้งของมีค่าที่จะนำออกนอกประเทศต่อศุลกากรไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทางออก
หรือที่เรียกว่า Declare โดยจะมีเอกสารให้เรากรอกค่ะ ว่าเราเดินทางไปประเทศอะไร เที่ยวบินที่เท่าไหร่ วันที่
เท่าไหร่ กำหนดวันเดินทางกลับวันไหน เที่ยวบินอะไร
และมีช่องแจ้งของติดตัวที่จะนำออกไปนอกราชอาณาจักร “แนะนำให้กรอกอย่างละเอียดนะคะ” เพื่อป้องกัน
ความผิดพลาด เป็นของอะไร ยี่ห้ออะไร มูลค่าเท่าไหร่ มีลักษณะเด่นหรือลวดลายตรงไหนอย่างไรบ้าง พร้อมแนบ
สำเนาพาสปอร์ตและรูปถ่ายของของที่เราแจ้งค่ะ โดยเอกสารดังกล่าว จะมี 2 ชุด คือ ให้เจ้าหน้าที่ และเราพกติดตัว
ไว้เผื่อโดนตรวจตอนขากลับ

ทั้งนี้ ศุลกากรไม่ได้บังคับว่าทุกคนต้องแจ้งนะคะ เพียงแต่ให้สิทธิเอาไว้ ใครที่ไม่อยากเสี่ยงโดนภาษี
ก็ควรทำนะคะ อาจจะดูขั้นตอนยุ่งยากไปสักหน่อย แต่รับรองว่าปลอดภัยจากภาษีแน่นอน



แล้วต้องแจ้งตรงไหน ?
สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสาร ชั้น 4 ประตู 10
สนามบินดอนเมือง Terminal 1 ชั้น 3 ประตู 1


เกร็ดความรู้กับธรรมนิติ : พกโทรศัพท์ กล้องถ่ายรูป คอมพิวเตอร์ นาฬิกา ไปเที่ยวต่างประเทศ ทำไมถึงต้องเสียภาษี?

 


FaLang translation system by Faboba