พระราชบัญญัติยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มภาษีอากรและความรับผิดทางอาญา
โดย
|
1. กำหนดให้ภายใต้บังคับมาตรา 7 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการหรือที่ได้ยื่น แบบแสดงรายการไว้แล้วแต่ไม่ถูกต้องก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เมื่อได้ดำเนินการตามมาตรา 6 แล้วให้ ได้รับยกเว้นเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มสำหรับภาษีอากรตามประเภทภาษีอากรและรอบระยะเวลาบัญชีหรือเดือนภาษี หรือประเภทตราสารตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 (2) หรือ (3) แล้วแต่กรณี โดยการยกเว้นเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่ม ดังกล่าวไม่ให้ใช้บังคับสำหรับกรณีที่ได้รับหนังสือแจ้งการประเมินหรือหนังสือแจ้งให้เสียอากรและค่าเพิ่มอากรแล้ว (ร่างมาตรา 4)
2. กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะได้รับยกเว้นเบี้ยปรับหรือ เงินเพิ่มตามมาตรา 4 ดังต่อไปนี้ (1) มีรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีสุดท้ายซึ่งมีกำหนดครบ 12 เดือน โดยวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดก่อนหรือในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2561 ไม่เกิน 500,000,000.00บาท (ห้าร้อยล้านบาท) ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร (2) ได้มีการยื่นรายการภาษีเงินได้สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตาม (1) ไว้แล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ (3) ไม่เป็นผู้ออกใบกำกับภาษีหรือผู้ใช้ใบกำกับภาษีที่กรมสรรพากรได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่าได้มี การกระทำความผิดอาญาเกี่ยวกับใบกำกับภาษีตามประมวลกฎหมายอาญาไว้แล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ ใช้บังคับ (ร่างมาตรา 5)
3. กำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะได้รับยกเว้นเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่ม ตามมาตรา 4 ดังต่อไปนี้ (1) ลงทะเบียนต่อกรมสรรพากรภายในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2562 ตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่ อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด (2) ยื่นแบบแสดงรายการภาษีอากรหรือยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินพร้อมทั้งชำระภาษีอากรที่ยังไม่ได้ชำระหรือ ยังชำระไม่ครบถ้วนทั้งจำนวน ภายในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2562ดังต่อไปนี้ (ก) ภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลของรอบระยะเวลาบัญชีที่มีวันเริ่มต้นในหรือหลัง วันที่ 1 มกราคม พ.ศ 2559 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2560 (ข) ภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับประจำเดือนภาษีตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2559 จนถึงเดือน ภาษีก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ (ค) อากรแสตมป์สำหรับตราสารที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดให้ชำระอากรเป็นตัวเงินแทนการปิดแสตมป์อากร ซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้กระทำตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559 จนถึงวันก่อน วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ (3) ยื่นแบบแสดงรายการภาษีอากรทุกประเภทตามประมวลรัษฎากรที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีหน้าที่ หักหรือนำส่งสำหรับธุรกรรมที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559 จนถึงวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้ บังคับพร้อมทั้งนำส่งภาษีอากรที่ยังไม่ได้นำส่งหรือยังนำส่งไม่ครบถ้วนทั้งจำนวนภายใน วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2562 (ร่างมาตรา 6)
4. กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มตามมาตรา 4 ต้องยื่นแบบแสดง รายการภาษี แบบนำส่งภาษีและแบบขอเสียอากรเป็นตัวเงินสำหรับภาษีอากรทุกประเภทตามหลักเกณฑ์ที่ บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากรผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตให้ครบถ้วน สำหรับการยื่นแบบตั้งแต่ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เว้นแต่มีเหตุอันสมควรตามที่อธิบดีกรมสรรพากร ประกาศกำหนด แต่กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวให้หมดสิทธิได้รับยกเว้น เบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มตามมาตรา 4 และให้กรมสรรพากรดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรที่เกี่ยวข้อง ต่อไป (ร่างมาตรา 7)
5. กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มตามมาตรา 4 เมื่อได้ดำเนินการ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 แล้วให้พ้นจากความรับผิดทางอาญาตามประมวลรัษฎากรที่เกี่ยวข้อง (ร่างมาตรา 8)
บางส่วนจากบทความ “พระราชบัญญัติยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มภาษีอากรและความรับผิดทางอาญา” อ่านบทความฉบับเต็มได้ใน... วารสารเอกสารภาษีอากร ปีที่ 38 ฉบับที่ 451 เดือนเมษายน 2019
|
|
บทความพิเศษ : อาจารย์รุจิรัตน์ ปาลีพัฒน์สกุล วารสาร : เอกสารภาษีอากร เมษายน 2562 |
|
|