ส่งเสริมการออมกับ “กองทุนการออมแห่งชาติ”
โดย
|
จากการวิจัยและสำรวจกลุ่มตัวอย่างของประชากรในวัยทำงานตามอายุและอาชีพต่างๆ ของหลายสถาบัน ทำให้ทราบว่า คน ไทยจำนวนมากยังมีเงินออมไม่เพียงพอสำหรับการยังชีพในกรณีที่ว่างงานหรือเกษียณอายุจากการทำงาน ซึ่งสำหรับบุคคลที่ ไม่มีโอกาสได้รับเงินบำนาญจากสำนักงานประกันสังคม หรือบำนาญจากรัฐบาลแล้ว “กองทุนการออมแห่งชาติ” ดูจะเป็น ทางเลือกที่น่าสนใจอย่างมาก และเกิดประโยชน์ต่อสมาชิกได้เป็นอย่างดีทีเดียว
กองทุนการออมแห่งชาติ (National Savings Fund) หรือ กอช. เป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลเมื่อ พ.ศ. 2554 โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการออมให้กับสมาชิกที่มีสัญชาติไทย และมีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ซึ่งอาจจะเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือบุคคลที่ประกอบอาชีพทั่วไป หรือผู้ว่างงาน และจะต้องมีคุณสมบัติอื่นๆ ตามที่ กอช. กำหนด ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจ สามารถตรวจสอบสิทธิการสมัครเข้าเป็นสมาชิกของกองทุน และรายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆได้ที่ www.nsf.or.th โดยเอกสารที่ ใช้ในการสมัครจะประกอบด้วยบัตรประชาชนใบเดียวเท่านั้น ง่ายแสนง่าย เพียงแค่ไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ของธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ก็สามารถดำเนินการสมัครเป็น สมาชิกกองทุนได้อย่างรวดเร็วทันใจ
ผลประโยชน์ที่สมาชิกจะได้รับนอกเหนือไปจากเงินสะสมของตนเองแล้ว สมาชิกจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากเทียบเท่ากับเงินฝาก ประจำ 12 เดือน เงินสมทบที่รัฐบาลสมทบให้เป็นรายปี ตามช่วงอายุของสมาชิก คือไม่เกินปีละ 600, 960 และ 1,200 บาท ตามลำดับ และที่สำคัญคือโอกาสที่จะได้รับเงินบำนาญจากกองทุนตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยหากสมาชิกมีการออมระยะยาว ตั้งแต่อายุ 15-60 ปีจะมีโอกาสได้รับเงินบำนาญจำนวนหลายพันบาทต่อเดือนเลยทีเดียว ทั้งนี้ สมาชิกสามารถสะสมเงินเข้า กองทุนไม่ต่ำกว่าครั้งละ 50 บาท แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 13,200 บาทต่อปี (โดยไม่จำเป็นต้องส่งเงินสะสมทุกเดือน และยอดส่งแต่ละงวดไม่จำเป็นต้องเท่ากัน) ทั้งนี้หลักเกณฑ์อัตราเงินสมทบและผลประโยชน์อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ปัจจุบันสถานะของกองทุนการออมแห่งชาติมีเงินกองทุนรวมทั้งสิ้น 3,243 ล้านบาท มีสมาชิก 541,179 ราย โดยครึ่งหนึ่งของสมาชิกจะประกอบอาชีพเกษตรกรรม และมีถิ่นที่อยู่กระจายอยู่ทั่วภูมิภาคของ ประเทศ (ข้อมูลกองทุน ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2561)
ในส่วนของนโยบายการลงทุน กอช. จะนำเงินออมของสมาชิก ทั้งส่วนของเงินสะสมและเงินสมทบที่สมาชิกได้รับจากรัฐบาล ไปลงทุนในทรัพย์สินประเภทต่างๆ อาทิ พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ เงินฝากธนาคาร ตราสารทุน (หุ้น) ฯลฯ เพื่อสร้างผล ตอบแทนงอกเงยให้เงินออมของสมาชิก โดยการลงทุนของ กอช. เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด คือ ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มี ความมมั่นคงสูงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60
การดำรงตนและการดูแลครอบครัวในทุกวันนี้ แน่นอนว่าการจัดหาปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและยารักษา โรค ถือว่ายังเป็นสิ่งสำคัญอยู่เสมอ ทว่าในชีวิตจริงเรายังต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายซึ่งล้วนต้องใช้เงินในการได้มาซึ่ง สิ่งของและปัจจัยเหล่านั้น การออมจึงนับว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ยิ่งในยุคสมัยที่เราถูกห้อมล้อมด้วยสิ่งจูงใจนานัปการ ที่ทำให้ เราต้องใช้จ่ายเงินไปกับการบริโภคทั้งในเรื่องที่จำเป็นจริงๆ และไม่จำเป็น การบริหารทางการเงินจึงต้องใช้ทั้งเทคนิค ประสบการณ์ การเรียนรู้ รวมถึงการมีวินัยทางการเงินอย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายสมฐานะและ เหมาะสม
ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมองหาเครื่องมือหรือช่องทางในการส่งเสริมการออมของครอบครัวให้มีประสิทธิภาพ สูงสุด เปรียบเสมือนการสะสมอาหารสำรองตุนไว้ในอนาคตในยามที่เราแก่เฒ่าและไม่สามารถประกอบอาชีพได้อีกต่อไป การ ที่รัฐบาลได้จัดตั้ง “กองทุนการออมแห่งชาติ” ขึ้นมานั้นจึงถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะลูกๆ ของเราที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้น ไปจะได้มีโอกาสฝึกการออมตั้งแต่ในวัยเด็ก และเงินเก็บเล็กๆ ของพวกเขานี้จะสามารถทวีค่าได้มากขึ้น รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้น ในการเรียนรู้สร้างความเข้าใจสำหรับการลงทุนในกองทุนอื่นๆ เมื่อเติบโตต่อไป และสำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระหรือลูกจ้าง ที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคมแล้ว การได้เข้าร่วมกับกองทุนการออมแห่งชาติ ถือได้ว่าเป็นโอกาสทองเลยทีเดียว เพราะ ทำให้ท่านมีสิทธิที่จะได้รับเงินบำนาญในอนาคต สมกับคำขวัญของ กอช. ที่ว่า “คุณออม รัฐช่วยออม คุณได้บำนาญ”
|
สันติ ประพันธ์ : CLASSIFIED : LIFESTYLE วารสาร : CPD&ACCOUNT สิงหาคม 2561 |
|
|